Sofia talk
"อือ...ชอบ"
ฉันวางดินสอในมือลง ก่อนจะยกมือขึ้นปิดหน้า เมื่อเสียงของมาร์ชที่เคยพูดกับฉันยังคงดังก้องซ้ำ ๆ อยู่ในหัวไม่หายไปไหน
"=//=" หัวใจที่พาลเต้นแรงขึ้นมาเสียดื้อ ๆ ทำเอาฉันไม่มีสมาธิทำงานทำการเอาเสียเลย
"แกเป็นเพื่อนฉันนะ ฉันจะเกลียดแกได้ไง"
แต่ในเวลาต่อมาความรู้สึกนั้นก็ถูกกระชากไป เพราะมีประโยคอื่นในบทสนทนาแทรกเข้ามาแทน
"ไอ้มาร์ช!! ไอ้บ้า!!" ฉันรู้ว่าเขาไม่ผิด แต่มันผิดที่ฉันที่ไปหลงดีใจกับคำบอกชอบนั่นเอง
พอได้แล้วโซเฟีย....เลิกคิดมากได้แล้ว แกกับเขาไม่มีทางเป็นอย่างอื่นไปได้นอกจากเพื่อนกัน
ฉันหอบเอาหัวใจที่ห่อเหี่ยวกลับมาจดจ่อตั้งใจกับงานตรงหน้าอีกครั้ง ก่อนที่เสียงเปิดประตูโดยไม่มีการเคาะจะเรียกสายตาของฉันให้ช้อนขึ้นมอง
"นี่เป็นนางแบบที่แกให้ฉันไปหา" จริงใจที่ตอนนี้มีฐานะเป็นหุ้นส่วนของฉันส่งแฟ้มปกสีดำมาให้ ก่อนที่เธอจะทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม
"คนอื่นฉันไม่มีปัญหา แต่ฉันติดอยู่คนสุดท้ายที่ชื่อ 'พอลล่า' เธอไม่ใช่นางแบบนี่" จากที่ฉันกวาดสายตาอ่านประวัติของผู้หญิงคนนี้คร่าว ๆ เธอเหมือนจะเป็นนักแสดงเสียมากกว่า
"จริง ๆ เธอเป็นดารา แต่ตอนนี้เธอกำลังเป็นที่นิยม จากผลสำรวจร้อยละ 70 โหวตให้เธอเป็นนางเอกหน้าใหม่ที่มาแรงที่สุดแห่งปี "
"....."
"และแม้ว่าเธอจะอยู่ในวงการนี้มาไม่นาน แต่ก็ได้เป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับสินค้าตัวดังหลายแบรนด์"
"...."
"ฉันคิดว่าถ้าเราให้เธอมาเป็นนางแบบหลักในการถ่ายแบบเปิดตัวคอลเลคชั่นแรกของแบรนด์เสื้อผ้า So nice จะเป็นการตีตลาดและดึงดูดความสนใจของผู้คนได้ โดยเฉพาะกลุ่มของแฟนคลับที่พร้อมจะสนับสนุนดาราที่ตัวเองชอบ"
"เรื่องการวิเคราะห์ตลาดของเธอนี่ ไม่ว่าจะกี่ครั้งฉันก็ขอชื่นชม" จริง ๆ แล้วจริงใจก็ไม่ได้จบการออกแบบหรอก แต่ว่าเธอจบบริหารเอกการจัดการตลาด ฉันเลยให้เธอมาเป็นฝ่ายการตลาดให้กับฉัน
"ใช่ไหมล่ะ เธอถึงต้องมีฉันไง"
":)"
"จะว่าไป...ตระกูลเธอได้ถูกชวนไปงานการกุศลเพื่อเด็กในสถานสงเคราะห์เด็กกำพร้าโกมลมุกหรือเปล่า?"
"อื้ม สถานสงเคราะห์นี้อยู่ภายใต้การอุปการะของตระกูลรัตนเกียรไพศาล ยังไงลุงมินกิก็ต้องเชิญพ่อฉันไปอยู่แล้วล่ะ"
"งั้นเธอก็ไปที่งานนั้นด้วยสิ"
"ทำไม?"
"เพราะว่าพอลล่าก็ถูกเชิญไปที่งานนี้เหมือนกัน เธอก็ลองใช้โอกาสนี้ทำความรู้จักกับยัยพอลล่าไปก่อน"
"จริงด้วยเนอะ ฉันเองก็ยังไม่รู้จักนิสัยใจคอของผู้หญิงคนนี้เลย แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าเธอจะตกลงหรือเปล่า"
"งั้นฉันไปเลือกชุดไปงานให้เธอดีกว่า"
"ขอบใจนะ งั้นฉันจะนั่งออกแบบชุดต่อ ใกล้เสร็จแล้วล่ะ"
"จ้า สู้ๆ นะ" น้ำเสียงสดใส พร้อมกับใบหน้าระบายยิ้มน่ารักของเพื่อนรัก
":)" ทำให้ฉันเองก็อดที่จะยิ้มตามไม่ได้ จะว่าไป...ก็แอบอิจฉาธัญอยู่นะเนี่ย ที่มีแฟนน่ารักแบบนี้
Sofia talk end
March talk
"ไงมึง" เควสที่เดินมากับธัญทักผมที่กำลังจะเดินเลี่ยงมันไปทางอื่น
"=_=" แต่ก็ยังไม่วายเดินไม่พ้นอยู่ดี
"รีบไปไหนวะ? ทำเหมือนไม่อยากเจอกูงั้นแหละ" ไม่ว่าเปล่า เจ้าตัวยังเดินเข้ากอดคอผมด้วยท่าทางยียวนกวนประสาท ยังจะกล้าถามอีกนะมึง
"เออ กูไม่อยากเห็นหน้ามึงให้เป็นเสนียดตา"
"แรงอะมาร์ช เมียเจ็บปวด...." คนขี้กวน(ตีน)ยกมือขึ้นมาจับที่อกข้างซ้ายทำราวกับเจ็บปวดมาก แต่ผมรู้ทัน พูดแค่นี้ไม่สะทกสะท้านหนังหน้าหนา ๆ ของมันหรอก
"ธัญ ช่วย...." เควสกำลังจะหันไปหาใครอีกคน แต่ใครคนนั้นเตรียมยกเครื่องดื่มในมือสูงขึ้นแล้วนะ
"ถ้าเข้ามาใกล้ กูสาดนะ"
"=_=" จบครับ ละครฉากน้ำเน่าที่เพื่อนรักสร้างขึ้น จ๋อยได้ด้วยค็อกเทลแก้วเดียวที่ยกขึ้นมาขู่
"อย่านะครับ คุณเพื่อนธัญ เพื่อนยังต้องใช้หน้าตาทำมาหากิน"
"หาสาวกินน่ะเหรอ?" และเป็นผมที่คันปากคันคออดที่จะแซะไม่ได้
"แหม!! คุณผอ.มาร์ชครับ คุณก็ไม่ได้น้อยไปกว่าผมหรอกครับ"
"แต่ก็กูไม่ได้เยอะเหมือนมึงไอ้เควส งานการกุศลมึงก็ไม่เว้นเนอะ" ตอนแรกผมไม่ได้อยากชวนมันมาหรอก เพราะผมรู้ว่าคนใจบาปอย่างมันไม่คิดสนใจงานการกุศลอะไรแบบนี้หรอก นอกเสียจากมาส่องสาว แต่ผมก็ยังอดสงสัยไม่ได้อยู่ดี ว่างานกุศลแบบนี้จะมีสาวที่ไหนให้มันมาส่องวะ
"อ้าว!? คุณมึงไม่เคยได้ยินเหรอครับ สวรรค์อยู่ในอก นรกอยู่ในใจ จะขึ้นสวรรค์ได้ก็ต้องขึ้นได้ด้วยอกแหละครับ"
"=_=" ถ้าจะถามว่างานดี ๆ แบบนี้มีอะไรเป็นกาลากิณี ก็คงต้องตอบว่าเพื่อนผมเอง
"แล้วนี่ทำไมมึงมาคนเดียวอะ ไม่เห็นยัยจริงใจเลย" ผมหันไปถามธัญที่เอาแต่จิบค็อกเทลอยู่เงียบ ๆ รายนี้ก็เงียบเกิ๊น เหมือนพ่อคุณลืมปากมาจากบ้าน หรือฝากเอาไว้กับเมียก็ไม่รู้ นี่ผมอยากจะจับเอานิสัยของเพื่อนสองคนนี้มายำรวมกันอยู่นะ จะได้ออกมาเป็นความพอดีบ้าง อีกคนก็ขาด อีกคนก็เกิน
"จริงใจต้องอยู่ช่วยงานโซที่ร้าน คงมาไม่ได้หรอก"
"...."
มาไม่ได้สินะ...
รู้ศึกผิดหวังนิด ๆ แฮะ ตอนแรกผมก็ตั้งใจจะไม่มาเหมือนกัน แต่เพราะคิดว่าผมอาจจะได้เจอโซเฟียผมก็เลยมา ไม่คิดเลยว่า...งานนี้ผมจะแห้ว
"เอาหน่าไอ้มาร์ชอย่าจ๋อยไปเลยเพื่อน" เควสยกมือขึ้นกอดคอผมอีกครั้ง ก่อนที่มันจะเบี่ยงตัวผมให้หันไปมองไปทางหน้าประตูงานที่มีรถตู้สีดำคันหนึ่งกำลังเคลื่อนตัวเข้ามาในงาน
"!!!" ร่างของผู้หญิงคนหนึ่งในชุดเดรสยาวสีขาวกลับดึงดูดสายตาของผมให้มองไปที่เธออย่างห้ามไม่ได้
ไม่ใช่ว่าความสวยของเธอมันสะดุดตาอะไรหรอกนะ แต่แว๊บแรกที่ผมเห็นเธอ ผมนึกว่าเธอคือโซเฟียซะอีก แต่พอเพ่งมองดูดี ๆ กลับไม่ใช่
"เขาชื่อพอลล่า" ผมหันไปมองเควสที่อยู่ ๆ ก็เริ่มพูดขึ้น
"มึงรู้จัก?"
"ก็เขานี่แหละ ที่เป็นคนทำให้งานนี้มันน่ามา"
"มึงชอบเขาเหรอ?"
"กูชอบเขาแล้วไงวะ? ก็เขาไม่ได้ชอบกู"
"???"
"เขาชอบมึงต่างหาก"
"!?"
"เขาจะมาชอบกูได้ยังไง กูยังไม่เคยรู้จักเขาเลยนะเว้ย"
"แต่มึงอย่าลืมนะเว้ย ว่ามึงเองก็มีหน้ามีตาในวงการ เขาอาจจะชอบมึงแบบ...แอบปลื้ม...ไรงี้"
"แอบปลื้มงั้นเหรอ?" ผมละสายตาจากเควสและหันไปมองผู้หญิงคนนั้นอีกครั้ง ซึ่งเธอเองก็มองมาทางผมอยู่เหมือนกัน รอยยิ้มสวยระบายขึ้นทักทาย และผมเองก็ทักทายด้วยการยิ้มกลับอย่างไม่ให้เสียมารยาท แต่ภายในใจกลับร้องเตือนความไม่น่าไว้วางใจบางอย่าง ซึ่งผมเกลียดสัญชาตญาณนี้ของตัวเองเป็นบ้า เพราะว่ามันไม่เคยพลาดเลยนี่แหละ
"มึงก็ระวังหน่อยแล้วกัน ผู้หญิงคนนี้ใช่ว่าจะเล่นด้วยได้ง่าย ๆ นะ"
"มึงหมายความว่าอะไร?"
"ก็อย่างที่บอกว่ากูสนใจเธอ แต่ก่อนที่กูจะจีบใครกูก็ต้องแน่ใจก่อนไงว่าเธอไม่ได้เป็นเด็กเสี่ยที่ไหน เกิดไปยุ่งกับของของคนอื่นเข้า กูโดนอุ้มขึ้นมากูก็แย่ดิ"
"แล้วเจออะไรผิดปกติไหม?"
"ไม่เจอ"
"มึงกวนตีนกูหรือเปล่าเนี่ย?"
"เพราะไม่มีอะไรผิดปกติไง มันถึงผิดปกติ"
"...."
"ตั้งแต่กูเป็นนักสืบมา กูยังไม่เคยเจอใคร ประวัติธรรมดาขนาดนี้มาก่อนเลย ธรรมดาแปลก ๆ แบบธรรมด๊าธรรมดา"
"กูยืนยันอีกเสียงว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดา" ผมหันไปมองธัญที่เพิ่งเริ่มพูดบทสนทนาโดยที่ยืนฟังมาตั้งนาน และผมรู้จักนิสัยมันดี เพราะมันเป็นพวกชอบประหยัดคำพูด คำทุกคำที่มันพูดย่อมแสดงว่ามันได้กลั่นกรองมาดีแล้ว
"อันตรายสินะ" ผมเลื่อนสายตาไปมองผู้หญิงคนนั้นอีกครั้ง พลันความรู้สึกท้าทายทำให้ผมยกยิ้มที่มุมปากราวกับได้ของเล่นชิ้นใหม่
ผมมีนิสัยเสียของตัวเองอยู่ข้อหนึ่ง...ทั้งที่รู้ทั้งรู้ว่าอันตราย แต่ก็ดันชอบความท้าทายเสียได้
โดยหารู้ไม่ว่า....อันตรายที่ผมกำลังท้าทายอยู่นี้ คงไม่ต่างจากกองไฟที่คอยแผดเผาให้ผมมอดไหม้เป็นเถ้าธุลี แล้ววันหนึ่งผมอาจจะต้องเสียใจที่เดินเข้าไปในกองไฟนี้ก็ได้....
March talk end
To be continued
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น