March talk
ทันทีที่เดินเข้ามาถึงด้านในสายตาของผมต้องหรี่ลงเล็กน้อยเพราะแสงไฟวูบวาบบริเวณด้านในแอบทำให้ผมปรับโฟกัสไม่ทัน ผมกวาดมองรอบ ๆ ตัวด้วยความรู้สึกที่คุ้นเคยแต่ทว่าห่างหายไปนาน ตั้งแต่เข้าบริหารงานโรงเรียนและมหาวิทยาลัยแทนป๊าเต็มตัวผมก็ไม่ค่อยได้มาที่นี่อีกเลย จำได้ว่าครั้งล่าสุดน่าจะเป็นเมื่อประมาณปีที่แล้วตอนปิดภาคเรียนที่ 1
เนื่องจากผับแห่งนี้เป็นหนึ่งในธุรกิจของตระกูลถาวรเดชาฤทธิ์ และผมเองก็สนิทกับทายาททั้งสองของตระกูลนี้ดี เลยได้มีโอกาสมาเที่ยวที่นี่อยู่บ่อยครั้ง แม้จะไม่ได้มานาน แต่ผมก็ยังคงจดจำรายละเอียดของที่นี่ได้อย่างชัดเจน
รู้...แม้กระทั่งทางลัดที่จะไปยังห้อง VIP ได้โดยไม่ต้องผ่านฝูงชนไปให้มากมาย
"อ๊ะ!!"
"!!!"
แต่ในจังหวะที่ผมกำลังหมุนตัวเพื่อเดินเลี่ยงไปอีกทางนั้น ร่างของผมก็ไปชนเข้ากับผู้หญิงคนหนึ่งที่เดินสวนมาอีกทาง และร่างเพรียวบางนั้นกำลังหงายล้มไปด้านหลัง ซึ่งโชคดีที่ผมคว้าเอวของเธอและดึงเข้าตัวไว้ได้ทันก่อนที่ร่างอรชรจะได้รับบาดเจ็บ
"ขอบคุณค่ะ"
น้ำเสียงเสนาะคุ้นหูรีบทำให้ผมช้อนสายตาขึ้นมองอีกฝ่ายด้วยหัวใจที่เต้นถี่รัว
"!?...โซเฟีย" แม้ว่าแสงสว่างด้านในจะมีไม่มากนัก หากแต่ในระยะชิดใกล้ขนาดที่หายใจรดกันได้ ผมย่อมเห็นเธอได้เป็นอย่างดี
"มาร์ช" สายตาของเราสบประสานกันอยู่เนิ่นนานโดยที่ไม่มีใครพูดอะไร ก่อนที่เธอจะเป็นฝ่ายผละออกไปก่อน
"....." ปากของผมเม้มเข้าหากันแน่น โดยไม่รู้ว่าในสถานการณ์นี้ผมควรทำตัวอย่างไร ผมกับเธอไม่ได้เจอกันมาตั้งนาน ผมควรจะเริ่มกล่าวทักทายเธอยังไงดีล่ะ เดี๋ยวสิมาร์ช ทำไมแกต้องตื่นเต้นด้วยวะ!? ผู้หญิงตรงหน้าแกก็คือยัยโซเฟีย คู่กัดแกไง แค่พูดกวนตีนไปเหมือนอย่างที่เคยทำสิ
"ไง..." ในขณะที่ความคิดของผมกำลังวุ่นวายกับการสรรหาคำมาทักทาย คนตรงหน้าก็พูดขึ้นเสียก่อน
"อือ..."
อือ? ถามจริง!? นี่เป็นคำทักแรกของคนที่ไม่เจอกันมานานเกือบ 6 ปีเหรอวะ!? แม่งสิ้นคิดสัส!!
"แล้ว...นี่เธอกลับมานานหรือยังล่ะ?" อยู่ ๆ ผมก็รู้สึกหาเสียงตัวเองไม่เจอ และผมสาบานเลยว่าตั้งแต่เกิดมาในชีวิต ผมไม่เคยรู้สึกประหม่าขนาดนี้มาก่อนเลย เดี๋ยวนะ!! ประหม่า!? กับผู้หญิงอย่างยัยเพี้ยนโซเฟียเนี่ยนะ บ้าไปแล้ว
"ก็กลับมาได้เกือบอาทิตย์แล้วล่ะ"
ตอนนี้ผมไม่รู้แล้วว่าควรรู้สึกอะไรก่อนดี ระหว่างดีใจที่เธอกลับมา กับน้อยใจที่เธอไม่ยอมบอกผมเรื่องนี้ ตั้งแต่ไปเรียนต่อที่ฝรั่งเศส เธอติดต่อกลับมาหาผมแทบนับครั้งได้ ใช่สิ ผมมันเป็นคู่กัดที่เธออยากจะโยนทิ้งออกไปจากชีวิตตั้งนานแล้วนี่
"แล้วครั้งนี้เธอจะอยู่ไทยนานไหม?"
"ฉันตั้งใจว่าจะกลับมาอยู่ที่ไทยถาวรนะ"
"!?" แต่ตอนนี้ขอดีใจก่อน
"ฉันทำงานใช้ทุนที่นั่นหมดแล้ว และฉันก็ตั้งใจจะกลับมาเปิดห้องเสื้อที่นี่"
"งั้นเหรอ?" ผมพยายามแล้วนะ ผมที่จะไม่ยิ้มแล้ว แต่ความดีใจที่มันล้นอยู่ตอนนี้ มันห้ามได้ยากมากจริง ๆ
"อื้ม"
"แล้วนี่เธอ...." ผมกำลังจะพูดอะไรบางอย่างกับเธอ
"ยัยโซเฟีย!!!" หากแต่เสียงหวีดว๊ายทางด้านหลังก็ดังแทรกขึ้นมาซะก่อน และมันเรียกความสนใจรวมทั้งสายตาของโซเฟียให้ละไปจากผม
"💢💢" ผมได้แต่กดความหงุดหงิดไว้ในใจ แล้วพยายามแสดงความไม่พอใจของตัวเองผ่านความนิ่งเฉย
"คิดถึงแกจังเลยยยยย" ยัยจริงใจวิ่งโผเข้ามากอดเพื่อนสาวด้วยความคิดถึง ก็นะ...เป็นผู้หญิงสองคนในกลุ่มก็งี้แหละ
"ยินดีต้อนรับกลับไทยอย่างเป็นทางการนะโซ" ธัญ เพื่อนผู้ชายอีกคนที่มีนิสัยนิ่งสงบราวกับสายน้ำเดินเข้ามาบอกโซเฟียด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยแต่ไม่ได้แฝงความเย็นชาเอาไว้แต่อย่างใด
"ขอบใจนะธัญ" โซเฟียผละกอดออกจากจริงใจก่อนจะตอบรับคำของธัญด้วยรอยยิ้ม
"💢💢💢" แต่รอยยิ้มของเธอมันกำลังทำให้ผมหงุดหงิด แม้ว่าผมจะรู้ว่าเธอไม่ได้คิดอะไร และธัญมันไม่มีทางคิดแบบนั้นกับโซเฟีย แต่ผมก็ไม่ชอบรอยยิ้มโปรยเสน่ห์ของยัยนี่อยู่ดี ไม่รู้ตัวเลยหรือไงว่าเวลายิ้มแล้วเธอสวย หรือเพราะรู้อยู่แล้วเลยคิดจะใช้รอยยิ้มนี้ปั่นหัวใครก็ได้ และไอ้ใครก็ได้ที่ว่ามันก็คือผมนี่แหละ เวรเอ๊ย!! ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี เธอก็ยังเป็นผู้หญิงที่ทำให้ผมหงุดหงิดได้ทุก 5 นาทีจริง ๆ
"แหม...ไปอยู่ที่นั่นมาตั้งนาน ไหนล่ะของฝากเพื่อน" เควสแบมือออกไปข้างหน้าก่อนจะกวักมือเบา ๆ
เพี๊ยะ!!
แต่ในวินาทีต่อมาเจ้าตัวก็ต้องชักมือกลับเมื่อโดนโซเฟียฟาดมือเข้าอย่างจังจนชายร่างใหญ่แต่ใจน้อยต้องมีแอบสะดุ้ง
"ไม่มีย่ะ"
"โห...เธอไปอยู่ที่นั่นมาตั้ง 6 ปี ไม่มีเพื่อนสาวปารีสแนะนำให้รู้จักหน่อยเหรอ?" แต่คนที่คิดจะเอาของฝากให้ได้ก็ยังไม่วายหยุดซักไซร้
"แนะนำให้หนีไปจากนายนี่แหละ ไอ้บ้า!!"
"ทำไม ฉันมันไม่ใช่สเปคของสาวที่นั่นเหรอ?"
"!?" ผมมองมือของไอ้เควสที่เอื้อมมาคล้องคอผม
"หรือสเปคของสาวที่นั่นต้องรูปหล่อ พ่อรวย เหมือนไอ้มาร์ชงี้?" โซเฟียเลื่อนสายตามามองผมอีกครั้ง โดยที่ในสายตาคู่หวานนั้นไม่ได้ฉายแววอารมณ์ใด ๆ
ความนิ่งเฉยของเธอมันสร้างความไม่พอใจให้ผมเป็นอย่างมาก จนพาลให้เอาความหงุดหงิดที่สะสมมาตั้งแต่ตอนแรกไปลงที่ตัวหาเรื่องแทน
"พูดมาก"
ผมบัดมือของไอ้เควสออก ก่อนจะก้าวฝีเท้าเดินหนีทุกคนมาที่ห้องที่ถูกจองเอาไว้
"ไอ้มาร์ชมันเป็นอะไรของมันวะ?" แต่ก็ยังคงได้ยินเสียงไอ้เควสดังไล่หลังมาอยู่
"ดูท่าน่าจะอารมณ์ไม่ดี" และเป็นธัญที่เป็นฝ่ายตอบความสงสัยของเจ้าตัว
.
.
"?"
ผมละสายตาจากหน้าจอโทรศัพท์ไปมองใครคนหนึ่งที่เพิ่งทิ้งตัวลงนั่งข้างผมที่ตอนแรกมีผมเพียงคนเดียวที่นั่งอยู่ในห้อง เพราะคนอื่น ๆ เขาลงไปสังสรรค์กันด้านล่าง
"ทำไรอ่ะ?" เจ้าตัวถามพลางสอดส่ายสายตามองหน้าจอโทรศัพท์ของผมอย่างอยากรู้อยากเห็นเป็นที่สุด
"คุยงานน่ะ" ซึ่งผมก็ไม่ได้ว่าอะไร แถมยังขยับหน้าจอให้เธอได้มองเห็นมันชัดเจนมากอีกต่างหาก
"อสังหาฯอีกละ น่าเบื่อ =_=" คนที่ไม่ชอบเรื่องตัวเลขกรอกตามองบนอย่างเบื่อหน่าย
":)" แต่ท่าทางของเธอมันเรียกรอยยิ้มจากผมได้เป็นอย่างดี เธอไม่เปลี่ยนไปเลย ทั้งท่าทาง คำพูด และการแสดงออกของเธอล้วนแล้วแต่ซื่อตรงต่อความรู้สึกของตัวเองเหมือนเมื่อก่อนไม่มีผิด ซึ่งผมชอบนะ คนที่รู้สึกอะไรก็แสดงมันออกมาเลยตรง ๆ ไม่ปรุงแต่ง ไม่โกหก
"ว่าแต่...ทำไมฉันไม่เห็นนายแตะเครื่องดื่มเลยล่ะ"
"พรุ่งนี้ฉันมีสอน ถ้าดื่ม ฉันว่าฉันไปสอนไม่ไหวแน่ ๆ "
"นั่นสินะ...ตอนนี้นายเป็นอาจารย์แล้วนี่เนอะ"
"อืม..."
"เป็นไงบ้างล่ะ?"
"ก็ถ้าเป็นเรื่องการสอนอย่างเดียวมันก็ดีที่ฉันได้ทำตามความต้องการของตัวเอง แต่...การบริหารงานทั้งโรงเรียนและมหาลัยไปด้วยนี่สิ โคตรเหนื่อยเลย"
"...."
"โรงเรียนและมหาลัยมันมีความต้องการไม่เหมือนกัน วัตถุประสงค์ของนักศึกษาและนักเรียนก็ไม่เหมือนกัน"
"...."
"การบริหารมันก็เลยต้องทำให้มันสอดคล้องต่างกัน"
"เพราะแบบนี้ไง ฉันเลยไม่อยากยุ่งกับเกี่ยวกับงานบริหารของที่บ้าน ยุ่งยากเป็นบ้า" ผมฟังคำบ่นพวกนี้ก็พานให้นึกถึงเมื่อหลายปีก่อนที่เจ้าตัวก็บ่นออกมาแบบนี้ซ้ำ ๆ เหมือนกัน อา...รู้สึกหุบยิ้มไม่ได้เถอะ
"ฉันว่ามันก็สนุกดีนะ เพราะในวันที่เธอเห็นผลผลิตของการบริหารงานของตัวเองเธอจะมีความสุข"
"...."
"นักเรียนทุกคนมีแผนในอนาคตที่อยากทำ นักศึกษาที่จบไปได้ใช้ชีวิตอย่างที่พวกเขาต้องการ ฉันว่ามันก็คุ้มกับการลงแรง"
"....."
"ในฐานะของคนเป็นครู คงไม่มีสิ่งใดมาเยียวยาความเหน็ดเหนื่อยไปได้ดีกว่าการที่ได้เห็นลูกศิษย์ของตัวเองประสบความสำเร็จกับเส้นทางที่เขาเลือกหรอก" เมื่อลองนึกถึงบรรดาลูกศิษย์ที่ผมเคยสอนความตื้นตันมันก็ตีตื้นขึ้นมา
ผมเลื่อนสายตาไปมองคนข้าง ๆ อีกครั้งเมื่อรู้สึกว่าเธอนั้นเงียบแปลก ๆ
":)" และก็พบเข้ากับรอยยิ้มหวานและสายตาของเจ้าตัวที่มองผมด้วยความชื่นชม
"...." แต่ให้ตายเถอะ รอยยิ้มของเธอ มันเกินต้านจริง ๆ ผมเคยได้รับรอยยิ้มแบบนี้จากเธอแทบนับครั้งได้ แต่ไม่ว่าจะได้รับมันอีกสักกี่ครั้ง สิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนไปเลยคือหัวใจที่เต้นถี่รัวของผม
"นายเปลี่ยนไปมากเลยนะ"
"?"
"นายดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้น ความคิดโตขึ้น ดูเป็นผู้ชายที่พึ่งพาได้"
"หืม?..." ผมเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่านี่มันเป็นคำชม
"ก็แบบ...นายเมื่อก่อนมันไม่มีทางมีความคิดแบบนี้แน่ วัน ๆ ก็หาเรื่องแต่จะทะเลาะกับฉัน"
แต่ครั้งนี้...คนที่หาเรื่องทะเลาะน่าจะเป็นเธอมากกว่านะ
"แต่ดูฉันกับนายตอนนี้สิ ฉันไม่เคยคิดมาก่อนเลยนะว่าเราจะพูดด้วยกันดี ๆ ได้เกิน 5 นาที"
"เวอร์ไป"
"ก็มันจริงอะ นายชอบหาเรื่องทะเลาะกับฉัน"
"อย่าขุดสิ =_=" ผมว่าเริ่มแล้วล่ะ...อีกไม่นานเราคงได้ทะเลาะกันแน่ ๆ ถ้าเธอยังไม่หยุดขุดเรื่องในอดีตมาพูด
"ไม่ขุดก็ได้"
"เธอบอกว่าฉันเปลี่ยนไปสินะ"
"อื้ม"
"แต่เธอดูไม่ปลี่ยนไปเลยนะ"
"เหรอ? แต่ฉันว่าฉันสวยขึ้นนะ" อะ!! ไม่เปลี่ยนไปเลยจริง ๆ
"อืม...ก็สวยขึ้นจริง ๆ นั่นแหละ"
"!!!"
"ทำไมเหรอ?" หน้าเธอดูแบบ...ตกใจมากอะ
"เมื่อกี้นายบอกฉันสวยขึ้นเหรอ?"
"ใช่ไง"
"ไม่สวนหรือปฏิเสธหน่อยเหรอ?"
"ทำไมฉันต้องทำแบบนั้นด้วย?"
"พระเจ้า!! การเป็นครูสอนให้นายเป็นคนดีขึ้นสินะ"
"เดี๋ยวเถอะ" เธอตั้งใจแขวะผม!!
"5555" แต่เห็นแก่เสียงหัวเราะน่ารักนั่น ผมจะปล่อยผ่านไปก็แล้วกัน
"นี่โซเฟีย...."
"อะไรเหรอ?"
"คือ...." ผมตั้งใจว่าจะชวนเธอไปทานข้าว แต่อยู่ ๆ ปากมันก็หนักขึ้นมา
"?"
"คือว่า...."
"ยัยโซ!! ลงไปเต้นกัน!!"
"💢💢💢" แต่พอตัดสินใจว่าจะพูด ยัยจริงใจตัวดีก็เปิดประตูพรวดเข้ามาขัดจังหวะเสียก่อน
"อ้าว!? มาร์ช ยังอยู่อีกเหรอ?" แล้วดูถามเข้า
"เออ!! 💢"
"แกหงุดหงิดอะไรอีกเนี่ย!?" คนยังไม่รู้สถานการณ์ถามขึ้นหน้าตาเฉย
"ไป โซ เพื่อน ๆ รออยู่"
"อืม...ฉันไปก่อนนะ" เธอหันมาบอกผมโดยไม่รอฟังคำตอบรับจากผมสักคำ
"ถอดเสื้อคลุมออกจ่ะสาว ข้างล่างผู้แซ่บ ๆ มีเยอะ คืนนี้แกต้องได้ผู้นะ!!"
"💢💢💢" จะผิดไหม? จะผมรู้สึกอยากจับยัยเพื่อนช่างยุโยนออกไปทางหน้าต่าง แต่สิ่งที่พูดออกมา น่าตีทั้งนั้น
"เหรอ?" แต่ก่อนจะตียัยจริงใจ ตียัยตัวดีอีกคนดีกว่า
"ค่ะ ถอดออกเลยค่ะ แกสวยออกขนาดนี้ ยังไงผู้ทั้งผับก็ต้องเลียวมองแกแน่"
"💢💢💢"ยัง!! ยังไม่หยุดอีกนะ!!
"ก็ได้" ยัยโซเฟียถอดเสื้อคลุมตัวนอกตามเพื่อนยุ โดยชุดที่เธอใส่เป็นชุดเดรสสั้นรัดรูปสายเดี่ยวสีชมพูนมแถมยังเว้าหลังอีกต่างหาก
ไม่ยอมแน่!! ไม่ยอมให้ไปทั้งแบบนี้แน่!!
"ใส่กลับเข้าไปเดี๋ยวนี้" ผมเดินไปรั้งข้อมือคนตัวเล็กไว้ไม่ให้เดินพ้นไปจากประตูได้
"!?"
"อะไรมาร์ช? ปล่อยมือโซเดี๋ยวนี้"
"ไม่!! ถ้าอยากลงไปก็แต่งตัวให้มันเรียบร้อย"
"ไม่เรียบร้อยตรงไหน ฉันว่าฉันก็รูดซิปด้านหลังแล้วนะ" นี่ยัยโซเฟียเข้าใจความหมายของคำว่าเรียบร้อยไปทางไหนเนี่ย จริงใจหมุนตัวเพื่อนรักเพื่อดูความเรียบร้อย
"นั่นสิ แถมตอนนี้เพื่อนฉันก็สวยไร้ที่ติแล้วด้วย"
"สวยตรงไหน น่าเกลียดจะตาย"
ผมเกลียดความปากไวของตัวเองเป็นบ้า พอเป็นเรื่องนี้ทีไร ต่อมปากเสียมันก็ทำงานทุกที และใช่ครับ ที่ผมต้องทะเลาะกับดซเฟียบ่อย ๆ ก็เพราะเรื่องแบบนี้นี่แหละ
"ใช่ น่าเกลียด น่าเกลียดมาก ถามจริง นี่ชุดหรือว่าเศษผ้าเนี่ย แล้วดีไซเนอร์นี่คิดอะไรอยู่ถึงได้ออกแบบเศษผ้าน่าเกลียดแบบนี้มาให้คนใส่" ตอนนี้ให้ผมพูดอะไรก็ได้ทั้งนั้น ที่ทำให้เธอยอมไม่เดินออกไปทั้งแบบนี้
"ชุดนี้ฉันเป็นคนออกแบบเอง"
"...." แต่ผมไม่เคยได้คิดถึงเลยว่า คำพูดของตัวเองมันจะทำให้เธอเสียความมั่นใจในตัวเองขนาดไหน
"ถ้านายไม่ชอบ อย่างน้อย ๆ นายก็ควรวิจารณ์อย่างมีมารยาทด้วย เพราะผลงานทุกชิ้นมันมีคุณค่าทางจิตใจ" คำพูดของเธอเหมือนมือที่มองไม่เห็นเหวี่ยงเข้าตบหน้าผมอย่างจัง
"...."
"แล้วก็นะ...นี่มันตัวฉัน ถ้าฉันชอบ ฉันก็จะแต่ง ต่อให้นายไม่ชอบฉันก็จะไม่สนใจ"
"...."
"คนที่ไม่เข้าถึงจิตวิญญาณของศิลปะอย่างนาย ไม่มีค่าพอมาวิจารณ์ผลงานของฉันหรอกนะ"
พูดจบ เจ้าตัวก็สะบัดมือของผมออก ก่อนจะหมุนตัวเดินจากไปอย่างไม่ไยดี
"ครั้งนี้โซเฟียมันพูดแรงก็จริง แต่แกอย่าลืมนะว่าแกไปว่ามันก่อน"
"ฉันเข้าใจ" ครั้งนี้ผมก็ผิดจริง ๆ นั่นแหละ แค่ผมไม่ชอบ แล้วเธอจะต้องยอมทำตามทุกความต้องการของผมเลยหรือไง ผมนี่มันบ้าจริง ๆ
"เป็นเพื่อนกันมานาน ไม่รู้หรือไงว่ามัน sensitive กับเรื่องนี้มาก"
ถึงได้หงุดหงิดตัวเองอยู่นี่ไง ทั้ง ๆ ที่รู้ แต่ก็ยังทำ
"นั่นแกจะไปไหน?" เสียงของจริงใจดังไล่หลังของผมมา
"ฉันจะลงไปข้างล่าง"
"อ้าว!? ไอ้มาร์ช ไหนบอกว่าวันนี้ไม่ดื่มไง" ไอ้เควสเอ่ยปากถามทันทีที่ผมทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาหนังสีแดง
"ก็ไม่ได้จะดื่ม แล้วนี่โซเฟียไปไหน?" ผมพยายามกวาดสายตามองหาคนตัวเล็กที่เดินนำผมมาก่อนไม่กี่นาที
"นู้นไง เต้นอยู่นู่น" ผมมองไปตามที่ธัญชี้ ก็เห็นคนตัวเล็กกำลังเต้นรูดเสาอยู่บนเวทีโดยที่ข้างล่างมีแต่ผู้ชายจ้องตาเป็นมัน!!
"!!!" ผมกำลังจะลุกไปดึงคนตัวเล็กให้ลงมา แต่เพราะรู้ว่าตัวเองมีความผิดติดตัวอยู่ไง เลยทำได้แต่มองแล้วทิ้งตัวลงนั่งอยู่กับที่
"เฮ้ย!! ไหนบอกว่าไม่ดื่มไงวะ!?" ผมยกแก้วเหล้าที่ชงทิ้งเอาไว้กระดกขึ้นดื่มรวดเดียว ด้วยหวังว่าแอลกอฮอล์มันจะช่วยดับความหัวร้อนได้ แต่ให้ตายเถอะ นี่ผมต้องทนอย่างนี้จริง ๆ เหรอวะ ทั้งที่ใจอยากจะเข้าไปลากเธออกมาจากตรงนั้นใจแทบขาด
"ปล่อยมัน มันกำลังเป็นบ้า" จริงใจที่เดินมานั่งที่โต๊ะทีหลังผมทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาข้างธัญ
"นี่ทะเลาะกันมาอีกแล้วเหรอ?" เควสถามอย่างี่พอจะเดาได้ว่าอาการที่ผมเป็นอยู่ตอนนี้มีสาเหตุมาจากอะไร ซึ่งจริงใจก็พยักหน้าตอบ
"ไอ้ธัญ"
"อะไร?" เจ้าของชื่อตอบรับคำเรียกจากผม
"กูอยากแดกนมเย็นปั่น"
"ไอ้ห่านี่ ทะเลาะกันทีไรก็หาหญิงระบายตลอด" เควสบ่นอย่างคนรู้ทัน
"เออ ๆ เดี๋ยวกูเรียกให้"
March talk end
To be continued
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น