March talk
เปลือกตาค่อย ๆ ขยับเปิดขึ้นหลังจากที่รู้สึกตัวตื่นมาได้สักพัก และทันทีที่ขยับตัวความรู้สึกปวดตุบ ๆ ที่หัวก็แล่นเข้าเล่นงาน
"อา...."
เสียงครางตอบรับความเจ็บ ก่อนจะยกมืออีกข้างขึ้นนวดขยับ พลางขยับเปลือกตาถี่เพื่อปรับโฟกัสให้ชินกับแสงในห้อง
"!?"
หากแต่เอวที่เพิ่งถูกกระชับแขนกอด พร้อมกับศีรษะเล็กทุยที่กดซบแนบอก ทำให้ผมกดสายตาลงมองผู้หญิงคนนี้ด้วยความสงสัยว่าเธอเป็นใครกัน
"!!...โซเฟีย" ผมเรียกชื่อเธออย่างตกใจ พร้อมกับหัวใจที่อยู่ ๆ ก็เต้นแรงขึ้นมาหลังจากที่สติได้รับรู้ถึงความใกล้ชิดของร่างกาย ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นผมคงไม่รู้สึกตื่นเต้นขนาดนี้
"เช้าแล้วเหรอ?" น้ำเสียงหวานแหบแห้งเอ่ยถามทั้งที่ยังไม่ผละหน้าที่ซุกอยู่ออก
"น่าจะเช้าแล้วล่ะ" หลังจากที่ได้รับคำตอบ เจ้าตัวก็เงยหน้าขึ้นมองผม โดยที่ความแนบชิดของร่างกายมันทำให้ใบหน้าของเราขยับใกล้กันไปโดยปริยาย
"ไหนบอกว่ามีสอนเช้า..."
"!!...จริงด้วย" ให้ตาย เมื่อคืนผมดื่มไปเยอะมาก แล้ววันนี้จะมีสติสอนนักศึกษาหรือเปล่าเนี่ย!?
"นายรีบไปอาบน้ำเถอะ เดี๋ยวฉันให้ลูกน้องเอาชุดมาเปลี่ยนให้"
"อือ..."
ถึงจะพูดไปแบบนั้นก็เถอะ แต่โซเฟียก็ยังไม่ยอมปล่อยมือที่กอดเอวผมไว้อยู่ดี แถมยังกดหน้ากลับซุกอกผมเหมือนเดิมอีกต่างหาก
"โซเฟีย" ผมกระซิบเรียกเธอเบา ๆ
"อือ รู้แล้ว" เธอปล่อยมือที่กอดเอวผมอยู่ออก ก่อนจะนอนตะแคงหน้าไปอีกทาง ในขณะที่ผมเร่งรีบเดินเข้าห้องน้ำไป ปิดและล็อกมันอย่างแน่นหนา ก่อนจะพิงหลังกับประตูไว้แล้วยกมือขึ้นกุมเสื้อบริเวณข้างซ้ายเมื่อรับรู้ถึงแรงถี่รัวจากหัวใจที่ทำงานอย่างหนัก
ความรู้สึกแบบนี้...หรือว่าผมเป็นโรคที่เขาฮอตฮิตเป็นกันล่ะ โรคหัวใจน่ะ
.
.
"ฉันช่วยนะ"
โซเฟียดันตัวลุกขึ้นจากเตียงก่อนจะเดินมาหาผมพร้อมกับเอื้อมมือมาผูกเนกไทให้ ความสวยงามของคนตรงหน้าตรึงสายตาของผมให้ไม่อาจละไปจากเธอได้ ยิ่งได้มองใกล้ ๆ ผมก็รู้สึกว่าความสวยของเธอมีอิทธิผมต่อผมได้เสมอ ไม่ว่าจะตอนไหนก็ตาม
ผิวขาวกระจ่างใส ดวงแก้มสีชมพูอ่อนระเรื่อ จมูกเรียวเล็กเชิดขึ้น แพขนตายาวหนาล้อมกรอบดวงตากลมโต ปากอวบอิ่มสีเชอร์รีน่าสัมผัส ทุกสิ่งทุกอย่างที่หลอมรวมออกมาเป็นผู้หญิงตรงหน้าผมคนนี้ช่างสมบูรณ์แบบ ไม่สามารถข้อติต่อความสวยของเธอได้เลย
"เสร็จแล้วล่ะ"
เสียงของเธอราวกับเรียกสติที่กำลังลุ่มหลงไปกับความงามให้ต้องวิ่งกลับมา ดวงตาคู่หวานช้อนขึ้นสบตากับผมที่มีส่วนสูงมากกว่า ก่อนที่มือเรียวทั้งสองจะวางทาบกับบ่า
"เป็นยังไงบ้าง? ชุดใส่พอดีใช่ไหม?" เธอเริ่มเปิดประเด็นถามถึงชุดที่เธอเป็นคนจัดการหาให้ผม
"อื้ม ใส่ได้พอดี เหมือนฉันเป้นคนไปเลือกเองเลยล่ะ"
":)"
รอยยิ้มนั่น...เธอกำลังปั่นหัวผมเล่นหรือไง
"เสื้อผ้านี่เป็นของแบรนด์ไหนเหรอ? ตอนฉันใส่ ฉันไม่เห็นป้ายแบรนด์เลย"
"เป็นเสื้อที่ฉันตัดเองน่ะ"
"!?"
"ที่ไม่มีป้ายแบรนด์ เพราะว่าฉันยังไม่ได้คิด"
"หืม?"
"ก็อย่างที่ฉันบอกเลย ฉันตั้งใจจะกลับมาเปิดห้องเสื้อที่นี่เป็นที่แรก" เธอหมุนตัวกลับไปเพื่อหันไปหยิบกล่องกำมะหยี่สีดำขึ้นมา
"เข็มกลัดหงส์เงินอันนี้ เป็นเข็มกลัดที่ฉันตั้งใจออกแบบให้นายเลยนะ" มือเรียวหยิบเข็มกลัดติดสูทซึ่งมีลักษณะเป็นสีเงินหรูหราขึ้นมาติดให้ผมตรงคอปกเสื้อ
"ออกแบบ...ให้ฉันเหรอ?" ผมทวนถามด้วยหัวใจที่เต้นถี่รัว ความรู้สึกเหมือนถูกให้ความสำคัญ มันทำให้ผมดีใจมากจริง ๆ
"ใช่ ตอนที่ฉันฟังตำนานเกี่ยวกับหงส์ตอนแรกมันทำให้ฉันนึกถึงนาย นายรู้หรือเปล่าว่าหงส์หมายถึงอะไร?"
"เป็นสัญลักษณ์ของความสง่างาม ความสูงศักดิ์อะไรแบบนั้นหรือเปล่า?" เธอฟังคำตอบจากผมก่อนจะระบายยิ้มออกมาอย่างอ่อนหวานและเริ่มพูดต่อ
"นอกจากนั้นส่วนต่าง ๆ ของหงส์ยังเป็นตัวแทน 5 อย่างของคุณสมบัติของมนุษย์"
"...." สายตาของเราทั้งสองประสานกันอย่างไม่มีใครหลีกเลี่ยง ราวกับต้องการท่ายถอดความรู้สึกบางอย่างให้อีกฝ่ายได้รับรู้
"ส่วนหัวเป็นตัวแทนของคุณงามความดี ความเป็นคนมีความรู้"
"....."
"ส่วนปีกเป็นตัวแทนของความรับผิดชอบในหน้าที่การงาน"
"...."
"ส่วนหลังเป็นตัวแทนของความประพฤติที่ถูกที่ควร"
"...."
"ส่วนอกเป็นตัวแทนของความเป็นมนุษย์ที่รู้จักผิดชอบชั่วดี"
"...."
"ส่วนท้องเป็นตัวแทนของความน่าเชื่อถือและความน่าไว้วางใจ"
"...."
"ในฐานะที่นายเองก็ต้องเป็นแบบอย่างของความดีและความถูกต้อง ฉันจึงอยากให้เข็มกลัดนี้กับนายเพื่อเตือนใจนายเอาไว้เสมอว่า จงเป็นแบบอย่างให้อนาคตของชาติเติบโตมาเป็นบุคคลที่มีคุณภาพ"
"ขอบคุณนะ"
":)"
"ฉันว่านายรีบไปเถอะ เดี๋ยวจะสาย" โซเฟียก้าวเท้าถอยไปด้านหลังหนึ่งก้าว
"!?" แต่ผมกลับเอื้อมมือไปรั้งเอวของเธอให้เข้ามาใกล้ จนร่างกายของเราแทบแนบชิดสนิทกัน
"ขอโทษที่ฉันพูดไม่ดีกับเธอเมื่อคืน"
"...."
"ความจริงแล้วชุดที่เธอใส่เมื่อคืนมันสวยมาก"
"!!!"
"ฉันเองต่างหากที่งี่งเ่ากับเธอเอง ขอโทษนะ" คำว่า'ขอโทษ'สำหรับผมมันพูดมากจริง ๆ แต่ถ้าหากคำ ๆ นี้จะสามารถแลกความรู้สึกของเธอที่เสียไปให้กลับมาได้ ต่อให้ต้องพร่ำพูดคำนี้อีกสักกี่ครั้งผมก็จะทำ
"อื้ม :)" แต่ดูเหมือนว่าเธอจะยกโทษให้ผมนานแล้วล่ะ
":)" ยังน่ารักไม่เปลี่ยนเลยนะ
"ฉันมีคำถาม"
"ว่ามาสิ"
"เคสโทรศัพท์ของนาย ใช่อันเดียวกันกับที่ฉันเคยซื้อให้หรือเปล่า"
"!?" ผมชะงักเล็กน้อยเมื่อต้องเจอกับคำถามที่ไม่คาดคิด
"ว่าไงล่ะ?" ยิ่งถูกเร่งเร้าผมก็ยิ่งรู้สึกประหม่า
"ก็...อันเดียวกันนั่นแหละ"
"ทำไมถึงยังใช้อยู่ล่ะ? มันเก่ามากแล้วนะ"
"...." ขอร้องล่ะ เปลี่ยนคำถามได้ไหม? ผมรู้สึกว่าคำถามมันยากไป ไม่สิ!! คำถามมันไม่ได้ยากหรอก แต่เป็นผมเองต่างหากล่ะ ที่ไม่อยากตอบ
"ไม่สิ ที่จริงฉันต้องถามว่าทำไมถึงยังใช้โทรศัพท์รุ่นนี้อยู่อีกล่ะ? มันจะตกรุ่นแล้วนะ"
"ฉันแต่ยังไม่เบื่อ"
"ไม่จริงอะ นายขี้เบื่อจะตาย เมื่อก่อนฉันเห็นนายเปลี่ยนโทรศัพท์ใหม่แทบจะทุกสัปดาห์เลยด้วย"
"ก็ถ้าวันหนึ่งเราเจอรุ่นโทรศัพท์ที่ถูกใจ ไม่ว่าต่อไปเราจะไปเจอโทรศัพท์รุ่นใหม่อีกมากแค่ไหน สุดท้ายเราก็จะติดใจกลับมาใช้เครื่องเก่าอยู่ดี"
"....."
"และฉันว่าฉันเจอแล้วนะ...โทรศัพท์ที่ฉันถูกใจ"
"...." ดวงตาของเธอกะพริบถี่ ราวกับกำลังทำความเข้าใจคำพูดของผม ซึ่งผมเชื่อว่าอีกไม่นานเธอจะเข้าใจเองว่าจริง ๆ แล้วสิ่งที่ผมพูด ผมไม่ได้หมายถึงโทรศัพท์
"และเคสนี้ที่ฉันยังใช้อยู่ ก็เพราะว่าฉันชอบมัน"
"...."
"และฉันชอบมัน เพราะเธอเป็นคนซื้อให้"
"นายหมายความว่านายจะชอบ ถ้าฉันเป็นคนซื้อให้"
"ใช่"
"นี่มันไม่ได้ชอบที่ของแล้ว ชอบคนซื้อให้มากกว่า"
"อือ...ชอบ"
"!!!"
March talk end
To be continued
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น